7 สิ่งควรเตรียมพร้อมก่อนเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น
ปัจจุบันการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศนั้นมีความสะดวกสบายมากขึ้น มีสายการบินราคาประหยัดเกิดขึ้นมากมาย การเข้าถึงแหล่งข้อมูลให้เราได้ศึกษาถึงสถานที่ท่องเที่ยวก่อนการเดินทางผ่านบทความรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในรูปแบบหนังสือ, Blog, Webboard ก็มีให้ค้นหาได้มากมาย แถมประเทศที่เป็นจุดหมายยอดนิยมอย่าง ญี่ปุ่น ไต้หวัน ก็เปิดฟรีวีซ่าให้กับคนไทย
ช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมนัดหมายกับเพื่อนๆเดินทางท่องเที่ยวไปญี่ปุ่นแบบล่องยาวจากโตเกียวลงมายังเกาะคิวชูเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งต้องมีวางแผนการเดินทางต่างๆให้ถูกใจทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆรวมกัน 9 ชีวิต จึงถือโอกาสขอเอาประสบการณ์การเตรียมตัววางแผนก่อนเดินทางและระหว่างเดินทาง มาแชร์ให้เพื่อนๆชาว ARAMBROS กันครับ
อันดับแรกคือเลือกจุดหมายปลายทางและสนามบินที่จะไป เพราะบางเมืองที่เราเดินทางไปท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมืองใหญ่นั้น อาจมีหลายสนามบิน ซึ่งเราควรศึกษาให้ดีก่อนเดินทาง ยกตัวอย่างเช่นการเดินทางไปเมืองโตเกียว ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไปลงสนามบินนาริตะกัน แต่สำหรับผมกลับมองว่าสนามบินฮาเนดะนั้นอยู่ใกล้ใจกลางเมืองโตเกียว และเดินทางสะดวกกว่ามาก
การเดินทางจากสนามบินนาริตะเข้าเมืองนั้น แม้นจะสะดวกแต่ก็กินเวลาอย่างน้อย 1 ชม. แถมค่าเดินทางก็แพงกว่า ดูจากรูปประกอบที่เลือกนั่ง Narita Express กึ่งๆ Shinkansen แต่ถ้านั่งรถไฟแบบธรรมดา คงใช้เวลามากกว่าชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึงที่หมาย กลับกันการเดินทางจากฮาเนดะเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง
อันดับ2 หลังจากเลือกที่หมาย(เมืองและสนามบิน)ได้แล้ว ก็คือการใช้เวลาในการท่องเที่ยวให้คุ้มค่าที่สุด โดยปกติผมจะพยายามเลือกไฟล์ทที่เดินทางกลางคืนถึงปลายทางตอนเช้า เพื่อไม่เสียเวลาการเที่ยวของเราที่ญี่ปุ่น
อย่างที่3นั้น คือ การจองที่พักให้สะดวกและใกล้สถานีรถไฟหลักๆ ยกตัวอย่างถ้าเป็นเมืองโตเกียวก็เช่น Ueno, Shinjuku หรือ Tokyo เพราะสถานีหลักๆเหล่านี้จะมีรถไฟหลายสายมารวมกัน ซึ่งประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายแฝงที่เกิดขึ้นในทุกๆการเดินทาง โดยหลักๆผมเลือกใช้บริการ Agoda เพราะสะดวกและคุ้นเคย แต่ท่านอื่นๆสะดวกโปรแกรมไหนก็ตามแต่ความถนัดเลยครับ
สำหรับ Agoda นั้น เราเพียงพิมพ์สถานีที่ต้องการเป็นจุดพัก เช่น ueno train station พร้อมระบุระยะเวลาที่จะพัก สักพักก็จะปรากฏรูปตามหน้าจอ ให้เราเลือก View all on map เพื่อเลือกโรงแรมที่ใกล้สถานีรถไฟ
รูปข้างบนจะแสดงรายนามโรงแรมทั้งหมดบนแผนที่ พร้อมราคา เราเลือกอันที่ใกล้สถานีรถไฟ และราคาที่อยู่ในงบประมาณของเรา คลิกเลือกบนแผนที่ แล้วทำการจองตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวถึงครับ
ขั้นตอนที่4 ก็ต้องวางแผนสถานที่ที่เราต้องการจะไปเที่ยว (จริงๆมันอาจเป็นขั้นตอนก่อนการจองโรงแรมก็ได้) ซึ่งถ้าเรามีแผนท่องเที่ยวข้ามเมืองต่างๆ ก็ควรศึกษารูปแบบการคมนาคมในประเทศนั้นๆ อย่างในประเทศญี่ปุ่นนั้น ผมก็แนะนำให้ซื้อ JP Railpass เลยครับ แต่ถ้าเที่ยวแค่รอบๆเมือง Tokyo หรือ Osaka ซื้อ Package ของท้องที่นั้นๆแทนจะดีกว่า เพราะสายรถไฟท้องถิ่นอาจเข้าถึงสถานที่ย่อยๆภายในแต่ละเมืองได้ดีกว่า หรือบางเมืองการใช้บริการรถบัสอาจจะสะดวกสบายกว่า เช่น เกียวโต
อันดับ5 ที่สำคัญอย่างยิ่ง ผมเข้าใจว่าเมื่อเราได้ไปเยือนประเทศใดเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าเราคงอยากจะไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆที่เห็นเค้าโพสต์ เค้าเขียนถึงว่าสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ แต่ในความจริงนั้นเราคงไม่สามารถไปได้ครบ ถึงทำได้ก็ไม่ต่างกับชะโงกทัวร์ ประมาณว่าไปถึงก็รีบมุ่งหน้าถ่ายรูป โพสต์เฟส แล้วเดินทางต่อ ผมว่าเราควรศึกษาจากข้อมูลที่มีมากมายในปัจจุบันก่อน แล้วสรุปสถานที่ที่อยากไปทั้งหมดเป็น Check List ไว้ จะเขียน หรือพิมพ์ใส่ Word, Excel ก็ได้ทั้งนั้น
จากนั้นนำเอาข้อมูลทั้งหมดมาสังเคราะห์โดยใช้โปรแรม Google Map ซึ่งผมจะลงสถานที่ทั้งหมดจาก Check List ข้างต้นลงใน GoogleMap เพื่อให้สามารถเห็นภาพรวมของสถานที่และระยะทางของแต่ละที่ที่ต้องใช้ในการเดินทาง แล้วเราก็จะสามารถตัดสถานที่บางสถานที่ออกไปจากแผนท่องเที่ยวเรา เนื่องจากระยะเวลาในการที่เราเดินทางไปในแต่ละที่ไม่สอดคล้องกับทิศทางที่เราไป
อันดับ6 นั้น คือศึกษาถึงเส้นทางคมนาคมของเมืองที่เราไปให้ดี อย่างเช่นแผนที่รถโดยสาร แผนที่เรือ หรือแผนที่ตารางเวลารถไฟ อย่างประเทศญี่ปุ่นนั้น การเดินทางด้วยรถไฟในประเทศญี่ปุ่นจะสะดวกมาก และตารางเวลาเดินรถไฟแม่นมากๆ โดยเราสามารถเข้าเว็ป www.hyperdia.com ซึ่งช่วยให้เรากำหนดเวลาที่เราจะเพลิดเพลินในสถานที่ต่างๆได้เหมาะสม ก่อนขึ้นรถไฟเพื่อไปยังสถานที่ถัดไป เพราะบางทีเราอาจเพลินกับสถานที่ จนตกรถไฟขบวนถัดไป ซึ่งอาจจะทำให้เราไม่สามารถไปสถานที่ต่อไปทันตามที่เราวางแผนไว้
อย่างสุดท้ายครับ บางทีเราเตรียมพร้อมการเที่ยวไว้หมดทุกอย่างแล้ว พอถึงวันเดินทางจริง ฝนก็โปรยลงมาให้ต้องยกเลิก หรือเกิดความล่าช้าในการท่องเที่ยวบางส่วนไป อย่างเมืองดังๆที่คนไทยชอบไป เช่น โตเกียว ไทเป ลอนดอน เวลาฝนตก มันตกแบบทั้งวันทั้งคืน ตกมันไปเรื่อยๆ ไม่เหมือนบ้านเราตกตูมเดียวแล้วฟ้าใส ดังนั้นควรมีแผนสำรองกรณีที่ไม่สามารถไปยังสถานที่ที่เราวางแผนไว้เบื้องต้นได้ พร้อมกับดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้าให้สอดคล้องกับแผนการท่องเที่ยวของเรา บางทีอาจต้องสลับวันเพราะเรื่องอากาศนี่แหละครับ
เป็นยังไงบ้างครับกับ 7ขั้นตอน ที่ผมมักใช้เสมอเวลาต้องวางแผนท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ แรกๆอาจดูยุ่งยาก แต่พอใช้บ่อยๆ ก็ทำให้เราสามารถใช้งานโปรแกรมต่างๆได้คล่องขึ้น ครั้งนี้ก็เช่นกันกับการเดินทางตะลุยญี่ปุ่น 10 วัน แผนการท่องเที่ยวที่วางไว้กับสิ่งที่เผชิญระหว่างเดินทาง ก็ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาเดินทาง ไม่ว่าจะเรื่องของทีมงานที่ท่องเที่ยวด้วยกัน สภาพภูมิอากาศ และสถานที่ที่จะไปเที่ยว แล้วจะทยอยมาเล่าเรื่องราวท่องเที่ยว 10 วันในญี่ปุ่นให้เพื่อนๆชาว Arambros ได้อ่านกันครับ