Garmin Fenix 3HR ปะทะ Samsung Gear S3 Frontier ตอนที่ 2

February 26, 2017

สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาดูเพิ่มเติมกับการเก็บข้อมูล เวลาใช้ออกกำลังกายนอกสถานที่ของทั้ง Fenix3 และ Gear3 กัน ซึ่งการเปรียบเทียบเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น เหมือนว่า Fenix3HR จะนำหน้าเจ้า Gear3 ไปอยู่ แต่จริงๆแล้วมันก็มีอีกหลายๆมุมที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงจุดเด่นๆของ Gear3 กัน ลองติดตามอ่านกันครับ

การเข้าถึงของ Garmin Fenix 3HR นั้น กดปุ่มขวาบน แล้วใช้ปุ่มซ้ายกลางและล่างในการเลือกครับ อาจจะลำบากเรื่องปุ่มกดเพราะมีปุ่มกดมากมาย และการเข้าถึงเมนูจะมีอาการหน่วงนิดๆ แต่ไม่ได้เป็นประเด็นมาก เพราะปกติเราควรเตรียมการให้พร้อมก่อนเริ่มใช้นาฬิกาบัทึกกิจกรรมออกกำลังกายของเรา

สำหรับ Samsung Gear S3 Frontier นั้น ให้กดปุ่มขวาล่าง แล้วหมุนหน้าปัดเลือกโปรแกรม S Health สามารถกดที่หน้าจอโดยตรงเพื่อเลือกกิจกรรม การเข้าถึงอาจจะมีหลายขั้นตอน ซึ่งเราต้องเรียนรู้ก่อน เพื่อสามารถเลือกกิจกรรมที่จะออกกำลังกายไว้ล่วงหน้าก่อนกดสตาร์ท จากนั้นก็ลงเท้าปั่นๆๆ เพื่อเก็บข้อมูล

หน้าจอแสดงผลของโปรแกรมทั้งคู่นั้น  Garmin Connect จะแสดงผลรายงานรวมให้เห็นได้เข้าใจง่ายกว่า แล้วใช้ปัดหน้าจอไปซ้ายขวาเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม ในขณะที่ S Health ใช้การปัดหน้าจอขึ้นลงเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อมูลเพิ่มเติมที่แสดงผลออกมามีมากมายทั้งคู่ ซึ่งสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ เราควรศึกษาตัวเลขแต่ละตัวว่ามีผลยังไง เพื่อการพัฒนาการออกกำลังกายเราให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

สำหรับการแสดงอัตราการเต้นของหัวใจแบบสรุปรวมนั้น ทั้งสองโปรแกรมก็สามารถให้เห็นภาพคร่าวๆ ทั้งในรายสัปดาห์ หรือรายเดือนได้

ในฝั่งของ Garmin Fenix3HR นั้น เนื่องจากมาในแนวทางนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายเป็นหลัก จึงมีข้อมูลวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น ค่า VO2 หรือเปอร์เซ็นต์อัตราการเต้นหัวใจในระหว่างออกกำลังกาย และกราฟแสดงอัตราการเต้นหัวใจก็ให้เห็นรายละเอียดมากกว่า (จริงๆผมว่ามันก็ขึ้นกับตัวโปรแกรมที่เอามาวิเคราะห์)

ส่วน Samsung Gear S3 นั้นสามารถโหลดเพลงมาลงไว้ในนาฬิกาก่อน เมื่อใช้คู่กับหูฟังไร้สาย ก็สามารถฟังเพลงระหว่างออกกำลังกายโดยไม่ต้องง้อมือถือเลย ซึ่งผมว่ามันเป็นฟังก์ชั่นที่ควรจะมีในนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายเลย เพราะการที่เราต้องพกโทรศัพท์มือถือไปพร้อมกับการวิ่งหรือปั่นนั้น บางทีมันก็ไม่สะดวกเลยครับ

นาฬิกา Smart Watch นอกจากจะใช้เก็บข้อมูลการออกกำลังกาย ก็ยังสามารถแสดงข้อความ หรือสายเรียกเข้าให้เห็นบนหน้าปัดนาฬิกา เพื่อที่เราจะสามารถเหลือบดูก่อนว่ามีความสำคัญแค่ไหน ซึ่งมีประโยชน์เวลาเรากำลังประชุมหรือคุยงานกับลูกค้าอยู่ ซึ่งฟังก์ชั่นนี้ทั้ง Fenix3 และ Gear3 ทำได้ทั้งคู่ครับ เพียงแต่ Fenix3 รุ่นที่ผมซื้อมาจะไม่สามารถแสดงผลภาษาไทยได้ ส่วน Gear3 นั้น จะภาษาไทยอะไรก็แสดงให้ได้หมดครับ แถมสติกเกอร์ไลน์ก็แสดงออกมาให้ดูได้เลย

Gear3 นั้นสามารถตอบกลับผ่านหน้าจอนาฬิกาได้เลยครับ ส่วนของ Fenix3 นั้น เพียงแค่แสดงให้เราดูข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถตอบกลับได้ การตอบกลับของ Gear3 จะมีให้เลือกหลายแบบ เช่นแบบที่เราคุ้นเคยกันก่อนที่จะมี Smart Phone เกิดขึ้น หรือจะตอบแบบ Emoji ซึ่งสั้นๆแบบได้ใจความ

เพิ่มเติมสำหรับท่านที่ใช้ไลน์โปรแกรม  Gear3 ยังสามารถให้เราตอบกลับแบบส่ง Sticker ของไลน์ได้เลย ซึ่งผมว่ามันเจ๋งดีครับ

นอกจากนี้เรายังสามารถใช้การเขียนหน้าจอ แล้วเครื่องจะแปลงเป็นตัวพิมพ์ให้เรา ซึ่งสะดวกมากๆสำหรับการตอบข้อความแบบด่วนๆ สั้นๆ

Gear 3 นั้นยังฉลาดถึงขั้นที่เราสามารถตั้งได้ว่าจะให้แสดงผล Notification ก็ต่อเมื่อเราสวม Gear3 อยู่บนข้อมือ เพราะหลายๆครั้งที่ผมใช้ Smart Watch แล้วชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืน ข้อความก็ยังเข้านาฬิกา ซึ่งบางครั้งก็มาแบบสั่นเป็นเจ้าเข้า โดยเฉพาะไลน์กลุ่มที่มีการโต้ตอบกันไปมามากมายครับ

และแล้วก็ถึงบทสรุปกันซะทีครับ ทั้ง Fenix3 และ Gear3 นั้นต่างมีจุดเด่นแตกต่างกัน ถ้าเน้นใช้สำหรับการออกกำลังกายอย่างเดียว ผมว่า Fenix จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าทั้งในเรื่องของการประหยัดแบตเตอรี่ การแสดงผลวิเคราะห์การออกกำลังกายของเรา และที่สำคัญคือหน้าจอสามารถแสดงผลให้เห็นได้อยู่ตลอดเวลาโดยไม่กินพลังงานมาก ส่วน Gear3 นั้นเหมาะสมสำหรับการใช้งานแบบลูกผสม คือใช้ออกกำลังกายควบคู่ไปกับใช้ในการทำงาน ถ้าจะให้แสดงผลหน้าจอตลอดเวลานั้น คงต้องขยันชาร์จเกือบทุกวันเลย ที่เด่นอีกเรื่องของ Gear3 คือหน้าจอที่สดใส สามารถโหลดเพลงเก็บไว้ในตัวนาฬิกาได้เลย และยังสามารถโหลดเกมส์เพื่อเล่นฆ่าเวลา โดยไปไปยุ่งกับมือถือแต่อย่างใด  ไว้ถ้ามีเรื่องราวเพิ่มเติมก็จะมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสหน้าครับ