Arambros ทริปขับรถล่องภาคใต้ 3,000 กม. (วันที่6)
วันที่6 ของการเดินทางล่องใต้ ช่วงนี้เป็นช่วงวิ่งกลับกรุงเทพฯ แต่ใช้เส้นทางคนละเส้นกับขามา ก่อนที่สุดท้ายมาบรรจบกันที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี การเดินทางก็ยังคงออกนอกแผนไปอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะความอยากไปมันซะทุกที่ หลายๆที่ก็อยู่นอกแผนการ โดยเฉพาะบ้านคีรีวงศ์ ซึ่งกลับกลายเป็นที่ที่ผมคิดว่าต้องกลับมาอีกรอบ เริ่มเช้าของวันนี้ด้วยการชมวิวเมืองจากหน้าต่างห้องพัก ทางโรงแรมดอกบัวคู่มีอาหารเช้าให้ แบบจัดเต็ม อาหารจะเน้นเป็นอาหารพื้นบ้านมากหน่อย เช่น ขนมจีน ข้าวยำ กาแฟโบราณ ถูกปากถูกใจกันไปครับ
เติมพลังงานเช้ากันแล้ว กองทัพล่องใต้ก็มุ่งตรงไปกราบไหว้สักการะปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งของภาคใต้ นั่นคือพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช หรือวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตัววัดตั้งอยู่ในตัวเมืองเลยครับ ช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงทะนุบำรุงอย่างที่เห็นในภาพครับ
บรรยากาศภายในวัดเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากราบไหว้สักการะบูชาเพื่อขอพรเนื่องจากวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่ากันแล้วครับ
หลังจากไหว้พระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราชเพื่อเป็นสิริมงคลเสร็จ ก็แวะถ่ายรูปศาลหลักเมืองจังหวัด นครศรีธรรมราชครับ
จากนั้นก็มุ่งหน้าเดินทางไปยังบ้านคีรีวงศ์ ซึ่งไม่ได้อยู่ในแผนแต่แรกแต่ค้นข้อมูลใน Google ดูแล้วเป็นสถานที่ที่สวยงามและน่าสนใจจึงไม่รอช้าที่จะตัดสินไปกันถึงแม้ว่าจะต้องเสียเวลาขับอ้อมไปมาซักหน่อยครับ
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ครับ บ้านคีรีวงนั้น ผมว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามพลาดสำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราชเลยทีเดียว เพราะมีบรรยากาศที่แสนสบาย แถมอากาศก็ไม่ร้อน และได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทย
มาทั้งทีเลย ลุยน้ำผ่าไปกลางลำธารเพื่อนั่งแช่น้ำ รู้สึกได้บรรยากาศสุดๆ น้ำเย็นๆไหลผ่านเท้า อากาศสดชื่น และวิวสวยๆรอบๆตัว
ผมว่าถ้าจะมาเที่ยวบ้านคีรีวงต้องมานอนพักที่นี่สักคืน เพื่อตอนเช้าจะได้ไปปั่นจักรยานสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอด
หลังจากแช่น้ำดื่มด่ำกับบรรยากาศบ้านคีรีวงพอสมควร ก็ได้เวลาเดินทางกลับไปยังบริเวณวัดมหาธาตุฯ เพราะมีร้านกาแฟแบบชิคๆชิวๆอยู่หนึ่งร้าน ติดอันดับ 1 ของ Wong Nai คือร้าน Pixel Caffe
หลังประตูเหล็กบานสีดำที่หนักได้ถูกเปิดออก ภายในผู้คนเยอะพอสมควร ผมแวะทานมื้อเที่ยงที่นี่ไปด้วย เพราะจะได้ไม่เสียเวลามาก ผมต้องขึ้นไปนั่งชั้นสอง เพราะชั้นล่างเต็มไปด้วยผู้คน โดยรวมบรรยากาศภายในจัดให้นั่งแบบสบายๆ และมีเกมส์กระดานให้นั่งเล่นระหว่างรออาหารหรือเครื่องดื่ม
เสร็จจากมื้อเที่ยงก็ออกเดินทางไปยังแหลมตะลุมพุก ที่เคยได้ยินมานานจากเหตุการณ์วาตภัยจากพายุแฮเรียตถล่ม สร้างความเสียหายในปี 2505 จนมีการทำออกมาเป็นหนัง เลยอยากไปดูว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร และแล้ว Google Map ก็พาให้หลงทางไปยังจุดหมายผิดๆอีกจนได้ นี่คือปัญหาของการค้นหาจุดหมายใน Google Map ที่มีการปักหมุดระบุจุดหมายผิด สรุปว่าผมไปโผล่ที่อู่ซ่อมเรือแถว อ.ปากพงัน ซึ่งอยู่ตรงข้ามปลายแหลมเลยครับ
ผมเลยต้องขับต่อไปอีกเกือบ 45 นาทีเพื่อไปยังแถวๆปลายแหลมตะลุมพุก มีร้านอาหารนั่งกิน แล้วให้เด็กๆวิ่งเล่นน้ำ บนทรายที่ละเอียดปนหยาบ
ความสะอาดสวยงามนั้นไม่ผ่านเกณท์เลย เพราะขยะเยอะมาก ห้องน้ำมีแบบพอให้ใช้ได้ น้ำอาบล้างตัวก็หาได้แบบลำบากนิดๆ ซึ่งผมคิดว่าคงไม่มีใครกล้าเข้าไปปรับปรุงพื้นที่ เพราะแหลมนี้ตั้งอยู่บนความเสี่ยงของการโดนคลื่นซัดอยู่ทุกๆปี โดยเฉพาะเหตุการณืปี 2505 นั้นเป็นปีที่หนักที่สุด
จบจากแหลมตะลุมพุก ก็ออกเดินทางตรงไปยังสุราษฎร์ธานี เพราะเลยกำหนดเวลามามากแล้ว ไปถึงก็เกือบสองทุ่ม ใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะมีการปิดถนนเพื่อปรับปรุงเส้นทางจากนครศรีฯไปยังสุราษฎร์ในช่วงนี้ ทำให้มีการวิ่งสวนเลนกันเป็นระยะทางยาว ถ้าทำเสร็จ ผมว่าเส้นทางเที่ยวใต้คงขับได้สะดวกสบายมากขึ้นเลยครับ
เช็คอินที่โรงแรมเสร็จ ก็ไปกินมื้อเย็นที่ Central Plaza Suraj ซึ่งที่นี่เขาก็มีจัดงานเค้าท์ดาวน์ เลยอยู่ร่วมงานต่อแต่ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรให้ทำมากเท่าไหร่ นอกจากดูคอนเสริต์ซึ่งมี ปู Black Head มาแสดงในช่วงก่อนนับถอยหลัง และต่อด้วย Potato หลังเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ แต่ผมกลับก่อนละครับ เพราะพรุ่งนี้ยังมีระยะทางอีกยาวไกล สวัสดีปีใหม่ 2016 ครับทุกๆท่าน