Arambros ทริปขับรถล่องภาคใต้ 3,000 กม. (วันที่5)
วันที่5นี้จะได้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง “ยะลา” ซึ่งไม่ได้กลับมาก็เป็นเวลาเกือบ 15 ปีแล้ว เนื่องจากพ่อแม่พี่น้องต่างก็ได้ย้ายขึ้นมากรุงเทพกันหมดแล้ว ครั้งนี้ก็เลยถือโอกาสกลับมาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานด้วยเลยครับ แรกๆก็เป็นห่วงอยู่ว่าเส้นทางที่ขับไปจะอันตรายไหม เพราะเสพข่าวเรื่องก่อการร้ายมามากเกิน แต่การเดินทางจริงนั้น ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราเห็นในข่าว แนะนำว่าควรวางแผนเวลาเดินทางให้อยู่ในช่วงเวลากลางวันซึ่งสว่างๆ และพยายามอย่าเชื่อเส้นทาง Google Map มาก เนื่องจาก Google จะพยายามเลือกเส้นทางที่เร็วที่สุดให้ แต่ก็แลกกับการลัดเลาะเส้นทางเล็กๆ ซึ่งอาจจะเป็นเส้นทางเปลี่ยวๆ ควรเลือกเส้นทางที่คนวิ่งกันเยอะๆ ระหว่างทางจะมีป้อมจุดตรวจของทหาร สามารถถามข้อมูลเพื่อความมั่นใจได้ครับ
เริ่มวันด้วยการแวะไหว้หลวงปู่ทวดเพื่อความเป็นศิริมงคลที่วัดช้างไห้ ตรงข้ามวัดจะมีสถานีรถไฟซึ่งมีบริการรถไฟมาทุกวันครับ
กราบไหว้หลวงปู่ทวดเสร็จก็ไปเช่าเหรียญหลวงปู่ฯมาบูชาเพื่อเป็นศิริมงคลและเป็นของฝากเพื่อนๆ ซึ่งเพื่อนชาวต่างชาติของผมหลายคนโดยเฉพาะชาวมาเลเซียก็นับถือหลวงปู่ทวดกันหลายคนครับ
จากนั้นในเส้นทางก่อนเข้าเมืองยะลา ผมก็แวะวัดถ้ำคูหาภิมุข หรือที่เรียกกันว่าวัดถ้ำยะลา ขับรถเข้ามาแล้วคิดถึงวันเวลาสมัยก่อนจริงๆครับ
วัดถ้ำยะลานั้นว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โบราณของชาวภาคใต้นะครับ ถือเป็นอารยธรรมสมัยศรีวิชัย
ซึ่งมียักษ์วัดถ้ำยืนตระหง่านคุ้มครองอยู่ ยังจำได้เลยครับตั้งแต่เด็กๆ ชอบมาเที่ยวและดูยักษ์วัดถ้ำ
ขึ้นบันไดที่เห็น จะมีพระนอนองค์ใหญ่อยู่ภายในถ้ำให้สักการะบูชา
เที่ยวชมและกราบสักการะพระนอนบนถ้ำด้านบน ตอนเดินลงเห็นทิวทัศน์ร่มรื่น และมีฝูงลิงให้ชม แต่ไม่มากเหมือนลพบุรีนะครับ
นอกจากถ้าด้านบนแล้วยังมีถ้ำมืดให้เข้าไปเดินดูธรรมชาติ หินงอก หินย้อย แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าถ้ำปรากฎว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ก็เลยไม่ได้เข้าไปเที่ยวชม เลยไม่รู่ว่าภายในเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง หลังจากนั้นผมเพิ่งมารู้จากเพื่อนๆว่า ถ้ำมืดได้ถูกปิดมาระยะหนึ่งเพราะไม่มีคนดูแลแถมมีการปล้นจี้ภายในถ้ำ เพิ่งจะมาเปิดให้เข้าชมแต่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำเข้าไปชมเพื่อความปลอดภัยครับเมืองยะลาปัจจุบันระบบการจราจรมีการปรับให้สอดคล้องกับการรักษาความปลอดภัยของประชาชน โดยรถต้องจอดฝั่งเกาะกลางถนนเพื่อป้องกันการไม่หวังดีของผู้ก่อการร้าย ส่วนบริเวณที่อยู่อาศัยก็จะมีการปิดกั้น ให้วิ่งรถทางเดียวเพื่อตรวจสอบรถที่วิ่งเข้าออก
อาคารด้านหน้าสถานีรถไฟมีการทาสีสันสดใสเพื่อต้อนรับปีใหม่ 2559
เที่ยงนี้นัดเพื่อนทานข้าวกันที่ร้านอาหาร Rice ตามการแนะนำของคนพื้นที่ครับ
เสร็จจากอาหารเที่ยงก็ขับรถชมเมืองจนผ่านมาหน้าโรงเรียนประถมเก่าของตัวเองก็พบว่าร้านขายของชำและขนมสมัยเด็กยังคงอยู่ แถมคนดูแลร้านก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ครับ
และก็แวะมาเที่ยวชมสวนขวัญเมือง หรือชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันว่า พรุบาโกย เมื่อก่อนดูเป็นสวรรค์สำหรับเราในวัยเด็ก ไปวิ่งเล่น ขี่จักรยาน กินอาหารปิกนิค แต่บรรยากาศไปครั้งนี้ดูเงียบๆ อาจจะเพราะทุกคนยังทำงานกันอยู่
ดูนาฬิกาก็เกือบบ่าย 4 ได้เวลาที่ต้องขับออกจากยะลาเพื่อมุ่งตรงไปยังนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นระยะทางที่ยาวไกลพอสมควร งานนี้ต้องขับรถตอนกลางคืน ผมไม่ค่อยถนัดเลยครับ
ระหว่างขับผ่านจังหวัดพัทลุง ฝนก็เริ่มโปรยลงมาพร้อมกับความมืด เลยตัดสินใจแวะกินสเต็กระหว่างทาง ตามเส้นทางนี้จะมีร้านสเต๊กอยู่หลายร้าน ที่ค้นจาก Wong Nai นั้นเหมือนจะแนะนำอยู่ 3ร้าน ร้านแรกคือครัวนายล้าน ตามมาด้วย Route 41 ที่ออกแนวคาวบอย (น่าจะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน) และร้านสุดท้ายที่ดูคนจะมากที่สุด คือ ร้านหลานตาชู แต่ผมแวะร้านแรกเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
ขับมาถึงนครศรีธรรมราชก็สามทุ่มกว่า เช็คอินที่โรงแรมดอกบัวคู่ หรือ Twin Lotus โรงแรมใหญ่ประจำจังหวัด ตัวโรงแรมออกแนวเก่าๆ แต่ก็ยังสะอาดดีอยู่ โรงแรมนี้เป็นเจ้าของเดียวกับยาสีฟันดอกบัวคู่น่ะครับ
นอกจากยาสีฟันแล้ว ผลิตภัณฑ์อื่นๆของดอกบัวคู่ก็๔ุกจัดวางไว้ในห้องน้ำให้ได้ใช้สอยกันภายในห้องพักครับ
เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ทางโรงแรมมีการจัดกิจกรรมต้อนรับปีใหม่บริเวณลานจอดรถ มีเวทีนักร้องอลังการ และกิจกรรมเล่นเกมส์คล้ายๆงานวัด ปาลูกดอก ยิงปืนลม ให้แขกที่มาพักและประชาชนในเมืองนครฯได้มาเดินเล่น ผมลงมาเดินเล่นสักพักก็กลับเข้าห้องพักเพื่อพักผ่อนเก็บแรงสำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ นี่เพิ่งจะมาได้ครึ่งทางของการล่องใต้ 3,000 กิโลเมตรเท่านั้นเองครับ