แกะกล่อง Pebble Time Steel
ได้รับพัสดุจากทาง DHL ก็รีบเปิดออกมาดู ปรากฏว่าเป็นเครื่อง Pebble Time Steel ที่สั่งไปพร้อมๆกับ Pebble Time หลังจากที่ได้รับ Pebble Time สีแดงมาตอนต้นประมาณเดือนมิถุนายน ผ่านมา 3 เดือนรุ่นที่เป็นเรือนเหล็กก็ได้ฤกษ์จัดส่งมาให้ได้ลองใช้ มาดูกันว่ามีอะไรแตกต่างจาก Pebble Time ปกติ
นับเวลาถอยหลังของการมาของ Pebble Time Steel หลังจากที่ทางผู้ผลิตคอยส่งข่าวสารอัฟเดทให้ว่าอยู่ในขั้นตอนใด ในที่สุดก็มาถึงมือซะที
เปิดกล่อง DHL ออกมาก็เห็นกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำ ห่อด้วยกันกระแทก
หน้าตาของกล่อง Pebble Time Steel นั้นดูดีขึ้นมากว่า Pebble Time มาแบบใสๆเห็นหน้าตานาฬิกากัน ด้านหลังก็บรรยายสรรพคุณ
เปิดฝาเตรียมสัมผัสตัวเป็นๆ
ใต้ถาดนาฬิกามีคู่มือ
ส่วนสายชาร์ตนั้นถูกมัดอยู่ด้วยสายรัดนาฬิกา จำได้ว่าจะมีแถมสายเหล็ก แต่ไม่เห็นมาด้วยกัน เหมือนว่าน่าจะโดนผู้ผลิตสายส่งงานล่าช้า แต่เนื่องจากถ้ายิ่งรอให้ครบ อาจมีหลายๆเจ้าที่ลงทะเบียนสนับสนุนไปยกเลิก
ตัวเรือนสีเทาๆ สายเป็ยคล้ายๆกำมะยี่สีเดียวกัน ผมยังไม่กล้าเอามาใช้ เพราะเหงื่อออกง่าย สายคงเหม็นและพังเร็ว แต่ตัวสายสามารถถอดเปลี่ยนได้เป็นแบบมาตรฐานสายนาฬิกา ไม่เหมือนค่ายแอ๊ปเปิ้ลที่ต้องเป็นลักษณะพิเศษ
ลองเอามาใส่ ก็ดูเรียบๆง่ายๆดี
เอามาเทียบกับ Apple Watch จะเห็นความต่างของสีสันหน้าจอแสดงผล เพราะของ Pebble Time Steel นั้นเป็น E-ink เทคโนโลยี ซึ่งทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ ชาร์ตครั้งเดียวใช้ได้ประมาณ 4 วัน แต่ Apple Watch ต้องวันต่อวัน
เรื่องความหนาก็ดูแล้วพอๆกันทั้ง Apple Wacth, Pebble Time และ Pebble Time Steel
สรุปว่าคุณสมบัติการใช้งาน ฟังก์ชั่นของทั้ง Pebble Time และ Pebble Time Steel นั้นไม่ต่างกันเลย จะต่างกันก็ที่วัสดุที่ใช้ทำเรือนนาฬิกา ซึ่งก็เหมือนอีกค่ายที่มีวัสดุอลูมิเนียม สแตนเลส และทองคำ ผมได้ลองลงภาษาไทยตามที่เคยทำ ปรากฏว่าไม่สามารถทำตามได้แล้ว ต้องอาศัย Android เพื่ออัฟโหลดเฉพาะภาษาไทยเข้าไปก่อน แล้วกลับมาจับคู่กับ iPhone อีกทีก็สามารถแสดงผลเป็นภาษาไทยได้ ช่วงนี้พอดีรักษาสุขภาพเป็นพิเศษ ก็เลยยังติดใช้ของค่ายผลไม้ เพราะมีเซ็นเซอร์จับชีพจรขณะออกกำลังกาย ส่วนฟังก์ชั่นไมค์ที่มีใน Pebble นั้นจะสำแดงผลก็ต่อเมื่อใช้กับ Android ไว้มีโอกาสได้ลองจะเอามาบอกกล่าวกันครับ เพราะทั้งสองค่าย ผมก็ไม่เคยได้ใช้ฟังก์ชั่นนี้ ถ้าตัดได้แล้วราคาถูกลงก็ดีนะ