Bandai Museum
Bandai ได้ยินชื่อนี้แล้วนักสะสมโมเดลหุ่นทั้งหลายคงไม่มีใครไม่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นหุ่นกายสิทธิ์ ยอดมนุษย์ไอ้มดแดง หรือว่าจะเป็นเหล่าฮีโร่ขบวนการแรนเจอร์ทั้งหลาย Bandai Museum แรกเริ่มเดิมทีเปิดขึ้นในปี 2003 ที่เมืองชิบะ (Chiba) แล้วได้ทำการปิดตัวลงและย้ายมาที่เมือง Tochigi ในปี 2007การเดินทางมา Bandai Museum นั้น ถ้าเริ่มจากโตเกียวมา ขอแนะนำให้เริ่มจากสถานี Asakusa สาย Toubu จะดีที่สุด เพราะไม่ต้องเปลี่ยนรถไฟ ถึงสถานีก็เดินอีกประมาณ 10 นาทีชาติญี่ปุ่น ถ้าบ้านเราก็คูณสองครับ แต่ครั้งนี้ผมเริ่มจากสถานีชินจูกุ ต้องเปลี่ยนรถไฟกันมันส์เลย(แพงด้วย) มารู้ทีหลังว่าเริ่มจากสถานี อะซากุสะ สาย โทบุจะดีกว่า
สถานีปลายทาง คือ โอโมะชะโนะมาจิ แปลว่า เมืองแห่งของเล่น ชื่อสถานีช่างให้อารมณ์ถึงสถานที่ที่จะไปมาก
เดินด้วยความเร็วสูงสุด แบบงงๆเส้นทาง เมื่อถึงที่หมาย ก็พุ่งตรงไปหน้าประตูหลักเลยครับ ขวามือมีฮีโร่ในตำนาน V1 กับ ขบวนการรุ่นแรก
เดินผ่านประตูหลักเข้ามา ด้านขวามือ จะมีหุ่นขบวนการยืนต้อนรับอยู่
แผนผังของพิพิธภัณฑ์ Bandai แบ่งส่วนการจัดแสดงออกเป็น 4 โซน Japan Toy Museum, World Toy Museum, Hobby Museum และ Edison Museum
ภายในพิพิธภัณฑ์ในโซนต้อนรับนั้นจะพบกับ Gundum ยักษ์ครึ่งตัวที่คอยต้อนรับผู้มาเยือน และบรรดาตู้หยอดเหรียญกาชาปองของตัวการ์ตูนส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น one piece Rider Sentai ที่คอยให้ผู้มาเยือนได้รอลุ้นกัน ก่อนเข้าชมภายในพิพิธภัณฑ์ต้องเสียค่าเข้าชมกันก่อน สำหรับราคาค่าเข้าชมก็ผู้ใหญ่ 1000 เยน และ เด็ก 600 เยน (ตรงที่มีคนยืนอยู่ คือจุดชำระค่าเข้าชม)
ครั้งนี้ด้วยเวลาที่จำกัดจำเขี่ย เพราะมาญี่ปุ่นทั้งทีต้องเอาให้ครบที่ฮิตๆ ทำให้เราเน้นพาชมหลักๆในโซนของ Japan Toy Museum ที่เป็นโซนที่ดูมีสีสันและน่าสนใจมากที่สุด
เลี้ยวเข้ามาก็สะดุดเจ้าตัวนี้เลยครับ หุ่นเหล็กหมายเลย 28 รุ่นแรกๆ ที่มีลูกเล่นซ่อนของไว้มากมาย สนนราคาก็น่าจะเกินเอื้อมถึงนะ (แต่เห็นแล้วก็อยากได้มาเล่นจัง อิอิ)
มีการอธิบายขั้นตอนการทำของเล่นพลาสติกแบบง่ายๆ ตามรูปครับ
หุ่นหน้าตาแบบนี้ เด็กรุ่นใหม่ๆคงไม่รู้จัก บางตัวปล่อยควันออกมา บางตัวฉายภาพได้ ทำให้นึกถึงวัยเด็กที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ (สิบ) ปีเอง คริคริ
ของเล่นแนวทำมาจากสังกะสี บ้านเราสามารถหาได้ตามตลาดร้อยปีทั้งหลาย แต่เป็นการทำขึ้นใหม่ ให้อารมณ์พ่อแม่เวลาพาลูกไปเดิน ก็ซื้อให้เพราะระลึกได้ว่าครั้งหนึ่งเคยอยากได้ หรือมีหนึ่งตัว เล่นจนพังจนสนิมขึ้น แต่ว่าเด็กรุ่นใหม่พอเล่นได้สักพักก็หันไปจับ iPad ซะแล้ว
เหล่าอุลตร้าแมนต่างๆที่คอยพิทักษ์โลก
เหล่า SD ไรเดอร์ทั้งหลาย เห็นแล้ว อยากมีไว้สักชุด
มาต่อด้วยโซนขวัญใจนักสะสมหุ่นเหล็กทั้งหลาย เพราะมามันกันทุกยุค ทุกรุ่น
บรรดาหุ่น Mazinger หุ่นกายสิทธิ์ ตัวทำเงินของลุงบันได เขาเลยตั้งแต่อดีต จนปัจจุบันล่าสุด กับสุดอลังการ DX SOC Mazinger Z
นี่มันคือต้นตำรับ Transformer เลยนะเนี่ยะ
ตัวนี้คือตัวโปรดผม ได้มาสมัยนั้น คือซื้อต่อจากเพื่อนมาเล่น ปัจจุบันยังอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ชิ้นส่วนต่างๆสาปสูญ (ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมของผมเลยครับ อิอิ)
อีกมุมกับเหล่านักรบเกราะทองเซนต์เซย่า
จริงๆยังมีของเล่นแบบต่างๆอีกมากมาย แต่ผมไม่ได้ถ่ายมาลงให้หมด เพราะใจมันมัวแต่จดจ่ออยู่เจ้าเหล่าบรรดาหุ่นเหล็กซะนาน ก่อนออกจากโซน Japan Toy Museum ก็เป็นส่วนที่จัดแสดงของเล่นของเด็กผู้หญิง นำขบวนมาโดยเหล่าบรรดาเซล่ามูน
หลังชม Japan Toy Museum แล้วเราก็ออกมาเจอกับส่วนที่เรียกว่า Play Zone ที่มีบรรดาหุ่นโมเดลยางต่างๆวางกองไว้มากมายคอยให้บรรดาคุณหนูๆทั้งหลายได้หยิบจับขึ้นมาเล่นกันได้ตามใจชอบ แต่ห้ามนำออกไปนอกโซนน่ะครับ
เราขอข้ามโซน World Toy Meseum ที่โดยมากแล้วจะเป็นของเล่น ประเภท รถยนต์หรือรถไฟจำลองเป็นหลัก (แบบว่าไม่ได้อยู่ในความสนใจ อิอิ) กระโดดมายังโซน Hobby Meseum ที่เน้นการจัดแสดงของเจ้าหุ่น Gundum นั่นเอง
ภายในจัดแสดงเหล่า Gundam มากมาย แต่เนื่องด้วยบรรยากาศการจัดแสดงและแสงภายในดูจะอึมทึมจนทำให้การเก็บภาพทำได้ลำบาก ก็เลยขอเก็บภาพบางส่วนมาฝากแล้วกันครับ
ใหญ่สะใจอยากเอาตั้งไว้หน้าบ้านบ้าง
ไอเดียบรรเจิด เอาโครง Gunpla มาต่อเป็น Gundam ยักษ์
เมื่อจบการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ทั้ง 4 โซนแล้ว จะพบกับบรรดาเหล่าหุ่นยนต์ขบวนการทั้งหลาย ที่ขนกันออกมาแบบสะใจ แต่น่าเสียดายที่ได้แค่ชม ไม่สามารถหยิบจับมาเล่นได้ (นึกแล้วคันไม้คันมือ)
อีกสิ่งหนึ่งที่ดูจะสะดุดตาก็คือตู้กดน้ำที่มาพร้อมเครื่องดื่มกระป๋องไอ้มดแดง ราคากระป๋องละ 110 เยน งานนี้ไม่พลาดแน่นอนครับ จัดไปหนึ่งกระป๋อง (แต่ขอบอกรสชาตินั้น สอบไม่ผ่าน อิอิ) และอีกบางส่วนที่ว่าจะนำมาฝากเพื่อนๆนักสะสมในภายหลัง (แต่ขอบอกว่ารสชาติน้ำ สอบไม่ผ่านเลยครับ)
สรุปแล้วการได้มาเยือน Bandai Museum นั้น ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจคิดและคาดหวังไว้ ในวันที่เดินทางไปพิพิธภัณฑ์นั้นมีผู้มาชมน้อยมากจนนับจำนวนได้ และการจัดแสดงของของเล่นผมดูแล้วเหมือนวางระเกะระกะ ไม่เป็นระเบียบ หุ่นบางตัวก็ล้มเหมือนไม่ได้รับการดูแลและลานของเล่นเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆก็มีสภาพโทรม คิดว่าน่าจะเป็นเนื่องจากเน้นโชว์สินค้าและประวัติอย่างเดียว โดยไม่มีกิจกรรมอะไรที่ทำให้ผู้เข้าชมได้ร่วมสนุกจะออกไปในแนวประเภทดูแต่ตา มืออย่าต้อง ของจะเสียซะมากกว่า แต่การที่ผมได้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นี้ก็ทำให้ผมได้รู้ว่า Ironแมน เหล็กหนักๆทั้งสีแดง สีเงินนั้นอยู่ที่ Bandai Museum นั่นเอง อิอิ
:
:
:
:
:
:
: