Kindle Fire จะร้อนจริงไหม?
ช่วงเทศกาลคริสมาต ได้รับ Kindle Fire จากเพื่อนที่ USA ส่งมาให้ แต่ก็คงจะไม่ทำการรีวิวอะไร เพราะสามารถหาอ่านได้จากที่ต่างๆ ซึ่งเขารีวิวไว้ดีแล้ว
ทาง Amazon ออกแบบ UI(User Interface) มาเป็นพิเศษ เพื่อให้ใช้ในแบบที่กำหนดการใช้งาน สำหรับการซื้อเพลง วีดีโอ หรือ App ผ่านทาง Amazon Online Shop เท่านั้น แต่ยังไม่สามารถซื้อเพลง วีดีโอ และ App ได้ถ้าใช้งานหรือข้อมูลที่อยู่ของเครดิตการ์ด อยู่นอกประเทศอเมริกา ยกเว้นการซื้อ Ebook เท่านั้นที่สามารถทำได้
ดังนั้น ถ้าเราไม่คิดจะปรับแต่งระบบของ Kindle Fire เลย มันก็จะเป็นแค่เครื่องอ่านหนังสือดิจิตอลที่มีจอสี และสามารถใช้ท่อง Web ได้ ถ้าจะให้เอามาใช้เพื่ออ่าน Ebook ก็คงขอบาย เพราะหน้าจอแบบนี้อ่านหนังสือแล้วจะปวดตามาก รุ่นอื่นของ Kindle ที่เป็นแบบ E-ink จะเหมาะสมกว่า แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าได้มาแล้วไม่ได้ใช้ให้เต็มที่ ต่อมความคันในหัวจึงก่อเกิด จนต้องค้นหาวิธีการที่จะทำให้ Kindle Fire สามารถทำอะไรได้เพิ่มขึ้น
แบบแรก
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการยุ่งกับระบบมาก แต่จะทำให้สามารถติดตั้งapp เพิ่มเติมได้โดยไม่ได้ผ่าน Amazon Online Shop โดยการลงโปรแกรมติดตั้งappเสริมตัวอื่นแทน
แบบที่สอง
สำหรับผู้กล้าเสี่ยง เพราะต้อง Root, และอาจต้องลงระบบ(Firmware)ใหม่เลย ขั้นตอนจะยุ่งยากกว่า และยังไม่มีฉบับภาษาไทย แต่ถ้าทำสำเร็จ ก็จะได้ Tablet ประมาณ iPad1 รุ่น Wifi ที่จอเล็กกว่า และพกสะดวกขึ้น
โดยสรุป น้ำหนัก Kindle Fire ไม่ได้เบามากตามที่คิด และลูกเล่นต่างๆก็ถูกตัดออก เพื่อราคาที่ถูกลง ไม่ว่าจะเป็น microphone, กล้องหน้าหลัง, GPS และระบบ 3G ถ้าเอามาใช้งานแบบที่รับรู้ได้ถึงข้อจำกัดของเครื่อง และกล้าที่จะปรับแต่งตามวิธีการข้างต้น เราก็จะได้ Tablet ที่มีคุณภาพดี พกพาสะดวก เพื่อไว้ค้นหาข้อมูล และความบันเทิงต่างๆ